รู้จัก Generative AI: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น
Generative AI กำลังปฏิวัติวิธีที่เราทำงาน สร้างสรรค์ และแก้ปัญหา ตั้งแต่การเขียนอีเมลไปจนถึงการสร้างรูปภาพ เทคโนโลยีนี้เข้าถึงได้สำหรับทุกคนแล้ว แต่มันคืออะไรกันแน่ และคุณจะใช้มันได้อย่างไร? คู่มือนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ในภาษาที่เข้าใจง่าย
Generative AI คืออะไร?
Generative AI (Gen AI หรือ AI กำเนิด) คือปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้ ต่างจากซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ทำงานตามกฎที่ตั้งไว้ตายตัว Generative AI เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลและสามารถผลิตข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และแม้แต่โค้ดที่เป็นต้นฉบับได้
ลองคิดแบบนี้: AI แบบดั้งเดิมเหมือนเครื่องคิดเลขที่ให้ค ำตอบที่แม่นยำ Generative AI เหมือนผู้ช่วยสร้างสรรค์ที่สามารถเขียนเรื่อง วาดรูป หรือแต่งเพลงตามสิ่งที่คุณขอ
ตัวอย่างง่ายๆ
เมื่อคุณพิมพ์ "เขียนบทกวีเกี่ยวกับกรุงเทพฯ" ลงใน ChatGPT AI ไม่ได้คัดลอกบทกวีที่มีอยู่แล้ว แต่มันสร้างบทกวีใหม่ทั้งหมดโดยทำความเข้าใจรูปแบบภาษาที่เรียนรู้มาระหว่างการฝึกสอน
5 ประเภทของ Generative AI

1. การสร้างข้อความ (Text Generation)
AI ที่สร้างเนื้อหาเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น บทความ อีเมล โค้ด และบทสนทนา
- ตัวอย่าง: ChatGPT, Claude, Chinda Thai LLM
- กรณีใช้งาน: ช่วยเขียน แชทบอท สร้างเนื้อหา
2. การสร้างรูปภาพ (Image Generation)
AI ที่สร้างรูปภาพ งานศิลปะ และการออกแบบจากคำอธิบายข้อความ
- ตัวอย่าง: DALL-E, Midjourney, Stable Diffusion
- กรณีใช้งาน: ภาพการตลาด ภาพคอนเซ็ปต์ การทำต้นแบบการออกแบบ
3. การสร้างเสียง/คำพูด (Audio/Speech Generation)
AI ที่สร้างเสียงพูดหรือเพลงที่เหมือนมนุษย์จากข้อความ
- ตัวอย่าง: iApp Text-to-Speech, ElevenLabs
- กรณีใช้งาน: เสียงพากย์ หนังสือเสียง เครื่องมือช่วยเหลือผู้พิการ
4. การสร้างวิดีโอ (Video Generation)
AI ที่สร้างเนื้อหาวิดีโอจากข้อความหรือรูปภาพ
- ตัวอย่าง: Runway ML, Synthesia, Sora
- กรณีใช้งาน: วิดีโอการตลาด เนื้อหาการฝึกอบรม สื่อสังคมออนไลน์
5. การสร้างโค้ด (Code Generation)
AI ที่เขียนโค้ด โปรแกรมตามคำอธิบายภาษาธรรมชาติ
- ตัวอย่าง: GitHub Copilot, DeepSeek-V3.2
- กรณีใช้งาน: พัฒนาซอฟต์แวร์ แก้บัค อธิบายโค้ด
คำศัพท์ AI สำคัญที่ควรรู้ (อธิบายศัพท์เทคนิค)
การทำความเข้าใจ AI อาจรู้สึกยากด้วยคำศัพท์เทคนิคมากมาย นี่คือ 5 คำที่สำคัญที่สุดอธิบายอย่างง่าย:
1. LLM (Large Language Model) - โมเดลภาษาขนาดใหญ่
คืออะไร: AI ประเภทหนึ่งที่ถูกฝึกสอนด้วยข้อความจำนวนมหาศาลเพื่อทำความเข้าใจและสร้างภาษามนุษย์
เปรียบเทียบง่ายๆ: ลองนึกภาพว่าอ่านหนังสือทุกเล่มที่เคยเขียนแล้วสามารถเขียนในรูปแบบใดก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ LLM ทำกับข้อความ
ตัวอย่าง: GPT-4, Claude, Chinda, DeepSeek
2. Prompt (พรอมต์) - คำสั่งหรือคำถาม
คืออะไร: คำสั่งหรือคำถามที่คุณให้กับระบบ AI
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนการบอกทางให้คนขับแท็กซี่ ยิ่งบอกทางชัดเจน ยิ่งไปถึงจุดหมายได้ดี
ตัวอย่าง: "แปลข้อความภาษาไทยนี้เป็นภาษาอังกฤษ: สวัสดีครับ" คือพรอมต์
3. Token (โทเค็น) - หน่วยของข้อความ
คืออะไร: ชิ้นส่วนเล็กๆ ของข้อความ (ประมาณคำหนึ่งคำหรือส่วนหนึ่งของคำ) ที่ AI ประมวลผล
เปรียบเทียบง่ายๆ: คิดว่าโทเค็นเหมือนตัวต่อเลโก้ AI อ่านและเขียนโดยการประกอบตัวต่อเหล่านี้
ทำไมจึงสำคัญ: บริการ AI มักคิดค่าบริการตามโทเค็น โทเค็นมากขึ้น = ค่าใช้จ่ายมากขึ้น
4. Fine-tuning (การปรับแต่ง) - การฝึกเฉพาะทาง
คืออะไร: การฝึกโมเดล AI ที่มีอยู่ด้วยข้อมูลเฉพาะทา งเพื่อให้ทำงานเฉพาะด้านได้ดีขึ้น
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนเชฟที่เรียนการทำอาหารทั่วไป แล้วเชี่ยวชาญอาหารไทยโดยการฝึกทำอาหารไทย
ตัวอย่าง: Chinda Thai LLM ถูกปรับแต่งเฉพาะสำหรับภาษาไทย
5. Hallucination (การประดิษฐ์ข้อมูล) - AI แต่งเรื่อง
คืออะไร: เมื่อ AI สร้างข้อมูลที่ฟังดูมั่นใจแต่จริงๆ แล้วเป็นเท็จหรือแต่งขึ้น
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนคนที่บอกทางอย่างมั่นใจแต่ไม่เคยไปที่นั่นเลย
วิธีรับมือ: ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สำคัญจากเนื้อหาที่ AI สร้างเสมอ
Generative AI ทำงานอย่างไร

กระบวนการนั้นง่ายกว่าที่คุณคิด:
ขั้นตอนที่ 1: อินพุต (พรอมต์ของคุณ)
คุณให้อินพุตกับ AI - อาจเป็นข้อความ เสียง หรือรูปภาพ ตัวอย่าง: "อธิบายควอนตัมคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทย"