Skip to main content

Big Data คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

· One min read
Kobkrit Viriyayudhakorn
CEO @ iApp Technology

ทุกวินาที โลกสร้างข้อมูลในปริมาณที่นึกไม่ถึง ทุกการค้นหาใน Google, ทุกโพสต์โซเชียลมีเดีย, ทุกการซื้อออนไลน์, ทุกค่าเซ็นเซอร์ — ทุกอย่างสะสมขึ้น ที่จริงแล้ว เราสร้างข้อมูลประมาณ 2.5 ควินทิลเลียนไบต์ทุกวัน ข้อมูลมหาศาลนี้คือสิ่งที่เราเรียกว่า Big Data และการเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากมันกลายเป็นทักษะที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งในโลกธุรกิจยุคใหม่

Big Data คืออะไร?

Big Data หมายถึงชุดข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนมากจนเครื่องมือประมวลผลข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องขนาด — Big Data ถูกนิยามโดยลักษณะเฉพาะที่ทำให้มันท้าทายและมีคุณค่า

โดยหลักแล้ว Big Data คือ:

  • ใหญ่เกินไป สำหรับฐานข้อมูลทั่วไป
  • เร็วเกินไป — ถูกสร้างขึ้นแบบเรียลไทม์
  • หลากหลายเกินไป — มาในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย
  • ซับซ้อนเกินไป สำหรับเครื่องมือวิเคราะห์ธรรมดา

เป้าหมายของ Big Data ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลมหาศาล — แต่คือการวิเคราะห์ข้อมูลนี้เพื่อค้นพบรูปแบบ แนวโน้ม และข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้น

ตัวอย่างง่ายๆ

ข้อมูลแบบดั้งเดิม:

  • ร้านเล็กๆ ติดตามยอดขายรายวันใน spreadsheet
  • 100 รายการต่อวัน จัดการง่ายใน Excel
  • การคำนวณง่ายๆ เช่น ยอดรวมรายเดือนและค่าเฉลี่ย

Big Data:

  • แพลตฟอร์ม e-commerce ประมวลผลล้านรายการต่อวัน
  • ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้: คลิก, ค้นหา, เวลาบนหน้า, การละทิ้งตะกร้า
  • รวมกับ sentiment โซเชียลมีเดีย, ข้อมูลสภาพอากาศ, ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ
  • ใช้ AI ทำนายแนวโน้ม, ปรับแต่งคำแนะนำ, ปรับราคาให้เหมาะสม

5 V's ของ Big Data

5 V's ของ Big Data

Big Data มักถูกนิยามด้วยลักษณะสำคัญ 5 ประการ:

1. Volume (ปริมาณ)

ปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น

  • ผู้ใช้ Facebook อัปโหลด 350 ล้านรูปต่อวัน
  • YouTube รับวิดีโอ 500 ชั่วโมงทุกนาที
  • เซ็นเซอร์ IoT สร้างข้อมูลหลายพันล้านจุดอย่างต่อเนื่อง

ความท้าทาย: จัดเก็บและจัดการข้อมูลระดับ petabytes หรือ exabytes

2. Velocity (ความเร็ว)

ความเร็วที่ข้อมูลถูกสร้างและต้องประมวลผล

  • ข้อมูลตลาดหุ้นเปลี่ยนทุกมิลลิวินาที
  • โพสต์โซเชียลมีเดียไวรัลในไม่กี่นาที
  • ข้อมูลเซ็นเซอร์ไหลเข้าแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง

ความท้าทาย: ประมวลผลข้อมูลเร็วพอที่จะลงมือได้ทันเวลา

3. Variety (ความหลากหลาย)

ประเภทและรูปแบบที่แตกต่างของข้อมูล

  • มีโครงสร้าง: ฐานข้อมูล, spreadsheets, บันทึกรายการ
  • กึ่งมีโครงสร้าง: JSON, XML, อีเมล, logs
  • ไม่มีโครงสร้าง: รูปภาพ, วิดีโอ, เสียง, โพสต์โซเชียลมีเดีย, เอกสาร

ความท้าทาย: รวมและวิเคราะห์ข้อมูลประเภทต่างๆ ร่วมกัน

4. Veracity (ความถูกต้อง)

ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของข้อมูล

  • ข้อมูลถูกต้องและเชื่อถือได้หรือไม่?
  • เราจัดการกับข้อมูลที่ขาดหายหรือไม่สมบูรณ์อย่างไร?
  • เราเชื่อถือแหล่งที่มาได้หรือไม่?

ความท้าทาย: รับรองคุณภาพข้อมูลก่อนตัดสินใจ

5. Value (คุณค่า)

มูลค่าทางธุรกิจที่สกัดได้จากข้อมูล

  • ข้อมูลดิบไม่มีประโยชน์หากไม่วิเคราะห์
  • เป้าหมายคือข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้
  • ROI ต้องคุ้มค่ากับต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน Big Data

ความท้าทาย: หารูปแบบที่มีความหมายท่ามกลาง noise

ประเภทของ Big Data

1. ข้อมูลมีโครงสร้าง (Structured Data)

ข้อมูลที่จัดระเบียบเข้ากับตารางที่มีแถวและคอลัมน์

ตัวอย่าง:

  • บันทึกฐานข้อมูล
  • Spreadsheets
  • บันทึกรายการธุรกรรม
  • ค่าเซ็นเซอร์ที่มีรูปแบบกำหนด

ลักษณะ: ค้นหา วิเคราะห์ และประมวลผลง่าย การจัดเก็บ: ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบดั้งเดิม (SQL)

2. ข้อมูลกึ่งมีโครงสร้าง (Semi-Structured Data)

ข้อมูลที่มีคุณสมบัติการจัดระเบียบบางอย่างแต่ไม่มีโครงสร้างที่เข้มงวด

ตัวอย่าง:

  • ไฟล์ JSON และ XML
  • ข้อความอีเมล
  • Web server logs
  • เอกสาร NoSQL database

ลักษณะ: schema ยืดหยุ่น, อธิบายตัวเอง การจัดเก็บ: NoSQL databases, document stores

3. ข้อมูลไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data)

ข้อมูลที่ไม่มีรูปแบบหรือการจัดระเบียบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ตัวอย่าง:

  • เอกสารข้อความและ PDFs
  • รูปภาพและรูปถ่าย
  • ไฟล์เสียงและวิดีโอ
  • โพสต์โซเชียลมีเดีย

ลักษณะ: วิเคราะห์ยากที่สุด, ต้องใช้ AI/ML การจัดเก็บ: Data lakes, object storage

ข้อมูลน่าสนใจ: มากกว่า 80% ของข้อมูลองค์กรเป็นแบบไม่มีโครงสร้าง และนี่คือจุดที่ AI โดดเด่น!

คำศัพท์ Big Data สำคัญที่ควรรู้

1. Data Lake

คืออะไร: ที่เก็บข้อมูลส่วนกลางที่จัดเก็บข้อมูลทุกประเภทในรูปแบบดิบดั้งเดิม

เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนทะเลสาบจริงที่มีลำธารต่างๆ (แหล่งข้อมูล) ไหลเข้ามา คุณสามารถตกปลา (ข้อมูล) ที่ไหนก็ได้สำหรับปลาประเภทใดก็ได้

คุณสมบัติหลัก:

  • จัดเก็บข้อมูลมีโครงสร้าง, กึ่งมีโครงสร้าง และไม่มีโครงสร้าง
  • Schema-on-read (โครงสร้างถูกใช้เมื่อเข้าถึงข้อมูล)
  • ประหยัดต้นทุนสำหรับการจัดเก็บขนาดใหญ่
  • เหมาะสำหรับ AI/ML และการสำรวจ

2. Data Warehouse

คืออะไร: ที่เก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างและจัดระเบียบเพื่อการวิเคราะห์และรายงาน

เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนคลังสินค้าที่จัดระเบียบดีที่ทุกอย่างมีที่และป้ายเฉพาะ หาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย

คุณสมบัติหลัก:

  • จัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างและประมวลผลแล้ว
  • Schema-on-write (โครงสร้างถูกกำหนดก่อนจัดเก็บ)
  • ปรับแต่งสำหรับ queries ที่รวดเร็ว
  • เหมาะสำหรับ business intelligence และ dashboards

3. ETL (Extract, Transform, Load)

คืออะไร: กระบวนการย้ายข้อมูลจากแหล่งไปยังปลายทาง โดยแปลงระหว่างทาง

เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนการแยก ทำความสะอาด และจัดระเบียบของชำจากถุงช้อปปิ้งเข้าตู้ครัว

ขั้นตอน:

  • Extract: ดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
  • Transform: ทำความสะอาด ตรวจสอบ แปลงรูปแบบ
  • Load: จัดเก็บในระบบปลายทาง

4. Data Pipeline

คืออะไร: ชุดกระบวนการอัตโนมัติที่ย้ายและแปลงข้อมูลจากแหล่งไปยังปลายทาง

เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนสายการผลิตโรงงานที่วัตถุดิบเข้าด้านหนึ่งและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปออกอีกด้าน

ส่วนประกอบ:

  • การนำเข้าข้อมูล (collection)
  • การประมวลผลข้อมูล (transformation)
  • การจัดเก็บข้อมูล (warehousing)
  • การวิเคราะห์ข้อมูล (insights)

5. Real-Time Analytics

คืออะไร: การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลทันทีที่ถูกสร้างขึ้น

เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนกระดานคะแนนกีฬาสดที่อัปเดตทันทีทุกการเล่น

กรณีใช้งาน:

  • ตรวจจับการฉ้อโกง
  • ซื้อขายหุ้น
  • ติดตาม IoT
  • Dashboards แบบสด

ทำไม Big Data ถึงสำคัญ

1. การตัดสินใจที่ดีขึ้น

การตัดสินใจจากข้อมูลเหนือกว่าสัญชาตญาณ บริษัทที่ใช้ Big Data analytics:

  • มีโอกาสตัดสินใจเร็วขึ้น 5 เท่า
  • มีโอกาสดำเนินการตามที่ตั้งใจ 3 เท่า

2. เข้าใจลูกค้า

Big Data เผยให้เห็น:

  • สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ (ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาพูด)
  • รูปแบบพฤติกรรมและความชอบ
  • การทำนายและป้องกันการเลิกใช้บริการ
  • โอกาสในการปรับแต่งส่วนบุคคล

3. ประสิทธิภาพการดำเนินงาน

เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดย:

  • การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (ซ่อมก่อนพัง)
  • การปรับปรุง supply chain
  • การจัดสรรทรัพยากร
  • การทำงานอัตโนมัติ

4. แหล่งรายได้ใหม่

สร้างมูลค่าผ่าน:

  • ผลิตภัณฑ์และบริการข้อมูล
  • ข้อเสนอส่วนบุคคล
  • การกำหนดราคาแบบไดนามิก
  • ข้อมูลเชิงลึกตลาดใหม่

5. ความได้เปรียบในการแข่งขัน

บริษัทที่ใช้ Big Data อย่างมีประสิทธิภาพสามารถ:

  • ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงตลาดได้เร็วขึ้น
  • ระบุแนวโน้มก่อนคู่แข่ง
  • สร้างสรรค์นวัตกรรมจากข้อมูลเชิงลึก
  • ลดต้นทุนพร้อมปรับปรุงคุณภาพ

Big Data แก้ปัญหาอะไร?

ปัญหาวิธีแบบดั้งเดิมโซลูชัน Big Data
ข้อมูลเชิงลึกลูกค้าแบบสำรวจ & focus groupsการวิเคราะห์พฤติกรรมระดับใหญ่
ตรวจจับการฉ้อโกงตรวจสอบด้วยมือ, กฎการตรวจจับรูปแบบ AI แบบเรียลไทม์
จัดการสินค้าคงคลังค่าเฉลี่ยประวัติการพยากรณ์ความต้องการ
ประสิทธิภาพการตลาดmetrics แคมเปญattribution modeling, personalization
ควบคุมคุณภาพทดสอบตัวอย่างตรวจสอบอัตโนมัติ 100%
ประเมินความเสี่ยงวิเคราะห์ด้วยมือML risk scoring models

Big Data ทำงานอย่างไร

Big Data Processing Pipeline

Big Data Pipeline

  1. แหล่งข้อมูล

    • ภายใน: CRM, ERP, ธุรกรรม, logs
    • ภายนอก: โซเชียลมีเดีย, ข้อมูลสาธารณะ, third-party
    • IoT: เซ็นเซอร์, อุปกรณ์, เครื่องจักร
    • ผู้ใช้สร้าง: เอกสาร, รูปภาพ, feedback
  2. การนำเข้าข้อมูล

    • Batch ingestion (โหลดเป็นกลุ่มเป็นระยะ)
    • Stream ingestion (เรียลไทม์ต่อเนื่อง)
    • API integrations
    • การอัปโหลดและโอนไฟล์
  3. การจัดเก็บข้อมูล

    • Data lakes สำหรับข้อมูลดิบ
    • Data warehouses สำหรับข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว
    • ระบบจัดเก็บแบบกระจาย
    • Cloud storage (ขยายขนาดได้, ประหยัดต้นทุน)
  4. การประมวลผลข้อมูล

    • ทำความสะอาดและตรวจสอบ
    • แปลงและเพิ่มคุณค่า
    • รวมและสรุป
    • การวิเคราะห์ Machine learning และ AI
  5. ข้อมูลเชิงลึกและการดำเนินการ

    • Dashboards และ visualizations
    • รายงานและ alerts
    • Predictive models
    • การตัดสินใจและดำเนินการอัตโนมัติ

ตัวอย่าง Technology Stack

Big Data Technology Stack

Big Data ในประเทศไทย: การใช้งานจริง

1. การประมวลผลเอกสารไทยขนาดใหญ่

ใช้ Thai OCR APIs:

  • ประมวลผลบัตรประชาชน พาสปอร์ต เอกสารไทยหลายล้านฉบับ
  • แยกข้อมูลที่มีโครงสร้างอัตโนมัติ
  • เปิดใช้การยืนยันตัวตนขนาดใหญ่
  • สร้างคลังเอกสารที่ค้นหาได้

2. Voice Data Analytics

ใช้ Speech-to-Text:

  • ถอดเสียงการบันทึก call center หลายพันรายการ
  • วิเคราะห์ sentiment ลูกค้าในระดับใหญ่
  • แยกข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลเสียง
  • สร้างคลังเสียงที่ค้นหาได้

3. Thai Text Analytics

ใช้ Chinda Thai LLM:

  • วิเคราะห์โพสต์โซเชียลมีเดียไทยหลายล้านโพสต์
  • แยก sentiment และหัวข้อ
  • เข้าใจ feedback ลูกค้าในระดับใหญ่
  • สร้างข้อมูลเชิงลึกจากข้อความที่ไม่มีโครงสร้าง

4. การประมวลผลข้อมูลหลายภาษา

ใช้ Translation API:

  • ประมวลผลข้อมูลในหลายภาษา
  • ทำให้เนื้อหาหลายภาษาเป็นมาตรฐาน
  • เปิดใช้การวิเคราะห์ข้ามภาษา
  • เข้าถึงตลาดต่างประเทศ

5. การวิเคราะห์เอกสารกฎหมาย

ใช้ Thanoy Legal AI:

  • วิเคราะห์เอกสารกฎหมายปริมาณมาก
  • แยกข้อกำหนดและเงื่อนไขสำคัญ
  • ระบุรูปแบบข้ามสัญญา
  • ทำการวิจัยกฎหมายอัตโนมัติ

สร้างโซลูชัน Big Data ด้วย iApp

iApp Technology ให้บริการ AI APIs ที่แปลงข้อมูลไม่มีโครงสร้างเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีโครงสร้าง:

ส่วนประกอบที่มี

ประเภทข้อมูลผลิตภัณฑ์ iAppกรณีใช้งาน Big Data
เอกสารไทยThai OCR APIsการแปลงเอกสารเป็นดิจิทัลขนาดใหญ่
เสียงไทยSpeech-to-TextVoice data analytics
ข้อความไทยChinda Thai LLMText analytics และ NLP
รูปภาพ/ใบหน้าFace RecognitionVisual data processing
หลายภาษาTranslation APIข้อมูลข้ามภาษา
เอกสารกฎหมายThanoy Legal AIการวิเคราะห์เอกสารกฎหมาย

ตัวอย่าง: Document Processing Pipeline

import requests
from concurrent.futures import ThreadPoolExecutor

def process_thai_document(document_path):
"""
ประมวลผลเอกสารไทยและแยกข้อมูลที่มีโครงสร้าง
"""
with open(document_path, 'rb') as f:
response = requests.post(
'https://api.iapp.co.th/thai-national-id-ocr/v3',
headers={'apikey': 'YOUR_API_KEY'},
files={'file': f}
)
return response.json()

def batch_process_documents(document_list):
"""
ประมวลผลเอกสารหลายฉบับพร้อมกันสำหรับระดับ Big Data
"""
results = []

with ThreadPoolExecutor(max_workers=10) as executor:
futures = [
executor.submit(process_thai_document, doc)
for doc in document_list
]

for future in futures:
results.append(future.result())

return results

# ตัวอย่าง: ประมวลผล 1000 เอกสาร
documents = ['doc1.jpg', 'doc2.jpg', ...] # รายการเอกสารของคุณ
structured_data = batch_process_documents(documents)

# ตอนนี้คุณมีข้อมูลที่มีโครงสร้างพร้อมสำหรับการวิเคราะห์!
# เก็บในฐานข้อมูล, data warehouse หรือ data lake

ตัวอย่าง: Voice Analytics Pipeline

import requests

def transcribe_and_analyze(audio_file):
"""
ถอดเสียงและวิเคราะห์ด้วย LLM
"""
# ขั้นตอนที่ 1: ถอดเสียงไทย
with open(audio_file, 'rb') as f:
stt_response = requests.post(
'https://api.iapp.co.th/thai-speech-to-text/v2',
headers={'apikey': 'YOUR_API_KEY'},
files={'file': f}
)
transcript = stt_response.json()['transcript']

# ขั้นตอนที่ 2: วิเคราะห์ด้วย LLM
analysis_response = requests.post(
'https://api.iapp.co.th/v3/llm/chinda-thaillm-4b/chat/completions',
headers={
'apikey': 'YOUR_API_KEY',
'Content-Type': 'application/json'
},
json={
'model': 'chinda-qwen3-4b',
'messages': [{
'role': 'user',
'content': f"""วิเคราะห์การสนทนานี้:
{transcript}

สรุป:
1. หัวข้อหลัก
2. ความรู้สึกของลูกค้า (บวก/ลบ/เป็นกลาง)
3. ประเด็นหรือข้อร้องเรียน
4. การดำเนินการที่แนะนำ"""
}],
'max_tokens': 512
}
)

return {
'transcript': transcript,
'analysis': analysis_response.json()['choices'][0]['message']['content']
}

เริ่มต้นใช้งาน Big Data

ขั้นตอนที่ 1: ระบุแหล่งข้อมูลของคุณ

คุณมีข้อมูลอะไรบ้าง?

  • ธุรกรรมลูกค้า
  • พฤติกรรมเว็บไซต์/แอป
  • เอกสารและไฟล์
  • การบันทึกสาย
  • การกล่าวถึงในโซเชียลมีเดีย

ขั้นตอนที่ 2: กำหนดเป้าหมาย

คุณต้องการข้อมูลเชิงลึกอะไร?

  • ความเข้าใจลูกค้า
  • ประสิทธิภาพการดำเนินงาน
  • การจัดการความเสี่ยง
  • การปรับปรุงรายได้

ขั้นตอนที่ 3: เริ่มเล็ก ขยายใหญ่

อย่าพยายามทำทุกอย่างพร้อมกัน:

  1. เลือกหนึ่ง use case
  2. พิสูจน์คุณค่าด้วย pilot
  3. สร้างต่อจากความสำเร็จ
  4. ค่อยๆ ขยาย

ขั้นตอนที่ 4: ใช้ AI เพื่อปลดล็อกข้อมูลไม่มีโครงสร้าง

แปลงข้อมูลดิบเป็นข้อมูลเชิงลึก:

  • ใช้ Thai OCR สำหรับเอกสาร
  • ใช้ Speech-to-Text สำหรับเสียง
  • ใช้ Chinda LLM สำหรับการวิเคราะห์ข้อความ

แหล่งข้อมูล

  1. รับ API Access: จัดการ API Key
  2. ลอง Thai OCR: Document OCR Demo
  3. ลอง Speech APIs: Speech-to-Text Demo
  4. สำรวจ APIs ทั้งหมด: แคตตาล็อก API ครบ
  5. เข้าร่วมชุมชน: Discord

อนาคตของ Big Data

แนวโน้มที่ควรติดตาม

  1. AI-Powered Analytics: Machine learning ทำความเข้าใจข้อมูลซับซ้อนอัตโนมัติ
  2. Real-Time Everything: ข้อมูลเชิงลึกทันทีแทนการประมวลผลแบบ batch
  3. Edge Computing: ประมวลผลข้อมูลใกล้กับแหล่งที่สร้าง
  4. Data Mesh: ความเป็นเจ้าของและการกำกับดูแลข้อมูลแบบกระจาย
  5. Privacy-Preserving Analytics: สกัดข้อมูลเชิงลึกพร้อมปกป้องความเป็นส่วนตัว

ทำไมธุรกิจไทยควรลงมือตอนนี้

  • ข้อมูลกำลังเติบโต: เศรษฐกิจดิจิทัลไทยสร้างข้อมูลมากกว่าที่เคย
  • แรงกดดันการแข่งขัน: คู่แข่งกำลังลงทุนในความสามารถด้านข้อมูล
  • AI เข้าถึงได้: เครื่องมือเช่น iApp APIs ทำให้ AI analytics เข้าถึงได้
  • ความคาดหวังลูกค้า: ลูกค้าคาดหวังประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและปรับแต่งส่วนบุคคล
  • พร้อมรับกฎระเบียบ: การปฏิบัติตาม PDPA ต้องการความเข้าใจข้อมูลของคุณ

สรุป

Big Data ไม่ใช่แค่การมีข้อมูลมากมาย — แต่คือการแปลงข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้เพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจที่ดีขึ้น ตั้งแต่การเข้าใจลูกค้าไปจนถึงการปรับปรุงการดำเนินงาน ความสามารถด้าน Big Data กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่แข่งขันได้

ความท้าทายสำหรับธุรกิจไทยหลายแห่งคือข้อมูลที่มีค่าส่วนใหญ่ถูกล็อกในรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้าง: เอกสารไทย การบันทึกเสียง รูปภาพ และข้อความ นี่คือจุดที่ AI APIs ของ iApp Technology โดดเด่น — แปลงข้อมูลไทยที่ไม่มีโครงสร้างเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีโครงสร้างในระดับใหญ่

ด้วย Thai OCR สำหรับการประมวลผลเอกสาร, Speech-to-Text สำหรับ voice analytics, Chinda Thai LLM สำหรับการวิเคราะห์ข้อความ และ Translation สำหรับข้อมูลหลายภาษา — ธุรกิจไทยมีเครื่องมือเพื่อปลดล็อกคุณค่าใน Big Data ของตน

พร้อมแปลงข้อมูลของคุณเป็นข้อมูลเชิงลึกแล้วหรือยัง? ลงทะเบียนฟรี และเริ่มประมวลผลข้อมูลไทยในระดับใหญ่วันนี้!


มีคำถาม? เข้าร่วม Discord Community ของเราหรือส่งอีเมลมาที่ support@iapp.co.th

บริษัท ไอแอพพ์ เทคโนโลยี จำกัด บริษัท AI ชั้นนำของประเทศไทย