Agentic AI คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น
คุณอาจเคยใช้ ChatGPT หรือผู้ช่วย AI ที่คล้ายกัน คุณถามคำถาม ได้คำตอบ แล้วก็จบ แต่ถ้า AI สามารถทำได้มากกว่านั้นล่ะ? ถ้ามันสามารถ วางแผน, ทำงานหลายขั้นตอน, ใช้เครื่องมือต่างๆ, และ ทำงานอัตโนมัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายของคุณล่ะ? ยินดีต้อนรับสู่ Agentic AI - วิวัฒนาการขั้นต่อไปของปัญญาประดิษฐ์
Agentic AI คืออะไร?
Agentic AI หมายถึงระบบ AI ที่สามารถทำงานอัตโนมัติเพื่อบรรลุเป้าหมาย ต่างจาก AI แบบดั้งเดิมที่แค่ตอบสนองต่อ prompt Agentic AI สามารถ:
- วางแผน งานหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน
- ตัดสินใจ ได้เอง
- ใช้เครื่องมือภายนอก (APIs, ฐานข้อมูล, ค้นหาเว็บ)
- เรียนรู้จากฟีดแบ็ค และปรับตัว
- ทำต่อเนื่อง จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ลองคิดแบบนี้: AI แบบดั้งเดิมเหมือนพนักงานที่ตอบคำถามคุณ Agentic AI เหมือนผู้จัดการที่มีความสามารถซึ่งรับวัตถุประสงค์ของคุณแล้วหาวิธีทำให้สำเร็จ - วางแผน มอบหมายงาน แก้ปัญหา และปรับเปลี่ยนไปตามทาง
ตัวอย่างง่ายๆ
AI แบบดั้งเดิม:
- คุณ: "อากาศกรุงเทพฯ เป็นอย่างไร?"
- AI: "กรุงเทพฯ อากาศ 32°C แดดจ้า"
- (จบ - ตอบครั้งเดียว)
Agentic AI:
- คุณ: "วางแผนทริปเชียงใหม่วันหยุดสุดสัปดาห์ให้หน่อย"
- AI: ค้นหาเที่ยวบิน → เปรียบเทียบราคา → เช็คสภาพอากาศ → หาโรงแรม → ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว → สร้างตารางเที่ยว → จองทุกอย่าง → "นี่คือแผนทริปครบถ้วนพร้อมการจองทั้งหมดที่ยืนยันแล้ว"
AI แบบดั้งเดิม vs Agentic AI

ความแตกต่างสำคัญ
| ด้าน | AI แบบดั้งเดิม | Agentic AI |
|---|---|---|
| การโต้ตอบ | Prompt เดียว → ตอบครั้งเดียว | เป้าหมาย → หลายการกระทำอัตโนมัติ |
| พฤติกรรม | ตอบโต้ (รอ input) | เชิงรุก (ริเริ่มเอง) |
| ความซับซ้อนของงาน | งานเดี่ยว แยกส่วน | หลายขั้นตอน เชื่อมโยงกัน |
| การใช้เครื่อ งมือ | จำกัดหรือไม่มี | มากมาย (APIs, ค้นหา, โค้ด ฯลฯ) |
| การตัดสินใจ | มนุษย์กำหนด | อัตโนมัติภายในขอบเขต |
| การเรียนรู้ | คงที่ในแต่ละเซสชัน | ปรับตัวและพัฒนาระหว่างทำงาน |
| ความต่อเนื่อง | จบหลังตอบ | ทำต่อจนบรรลุเป้าหมาย |
ประเภทของระบบ Agentic AI
1. ระบบ Single-Agent
AI agent หนึ่งตัวทำงานอิสระเพื่อทำงานให้เสร็จ
- ตัวอย่าง: ผู้ช่วยเขียนโค้ดที่เขียน ทดสอบ และแก้บัค
- กรณีใช้งาน: เพิ่มผลผลิตส่วนบุคคล ระบบอัตโนมัติง่ายๆ
2. ระบบ Multi-Agent
AI agents หลายตัวร่วมมือกัน แต่ละตัวมีบทบาทเฉพาะทาง
- ตัวอย่าง: ทีมที่มี agent "นักวิจัย" agent "นักเขียน" และ agent "ผู้ตรวจสอบ"
- กรณีใช้งาน: โปรเจกต์ซับซ้อน กระบวนการสร้างเนื้อหา
3. ระบบ Hierarchical Agent
Agents จัดเป็นลำดับชั้นมี agent ผู้จัดการและ agent ผู้ปฏิบัติ
- ตัวอย่าง: Agent หัวหน้าทีมมอบหมายงานให้ sub-agents เฉพาะทาง
- กรณีใช้งาน: ระบบอัตโนมัติระดับองค์กร การดำเนินงานขนาดใหญ่
4. Reactive Agents
Agents ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
- ตัวอย่าง: บอทเทรดที่ตอบสนองต่อสภาวะตลาด
- กรณีใช้งาน: การตรวจสอบ การตัดสินใจแบบเรียลไทม์
5. Deliberative Agents
Agents ที่วางแผนอย่างละเอียดก่อนลงมือทำ
- ตัวอย่าง: AI วางแผนกลยุทธ์สำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ
- กรณีใช้งาน: การแก้ปัญหาซับซ้อน การวิจัย
วงจร Agentic AI

Agentic AI ทำงานในวงจรต่อเนื่อง:
1. รับรู้ (Perceive)
Agent สังเกตสภาพแวดล้อมและรวบรวมข้อมูล:
- อ่านคำขอของผู้ใช้
- ต รวจสอบแหล่งข้อมูล
- ตรวจสอบผลลัพธ์จากเครื่องมือ
2. ให้เหตุผล (Reason)
Agent วิเคราะห์สถานการณ์และวางแผน:
- ทำความเข้าใจเป้าหมาย
- แบ่งงานซับซ้อนออกเป็นส่วนย่อย
- ตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องมือใด
- วางแผนลำดับการกระทำ
3. ลงมือทำ (Act)
Agent ดำเนินการโดยใช้เครื่องมือที่มี:
- เรียก APIs
- ค้นหาเว็บ
- เขียนและรันโค้ด
- สื่อสารกับระบบอื่น
4. เรียนรู้ (Learn)
Agent ประเมินผลลัพธ์และปรับตัว:
- ตรวจสอบว่าบรรลุเป้าหมา ยหรือไม่
- เรียนรู้จากข้อผิดพลาด
- ปรับกลยุทธ์ถ้าจำเป็น
- พัฒนาสำหรับงานในอนาคต
วงจรนี้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายหรือ agent พิจารณาว่าไม่สามารถดำเนินการต่อได้
คำศัพท์ AI สำคัญที่ควรรู้ (อธิบายศัพท์เทคนิค)
1. Agent (ตัวแทน)
คืออะไร: ระบบ AI ที่สามารถรับรู้สภาพแวดล้อม ตัดสินใจ และดำเนินการได้เอง
เปรียบเทียบง่ายๆ: คิดถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่น มันรับรู้ห้อง ตัดสินใจว่าจะทำความสะอาดตรงไ หน ลงมือทำโดยเคลื่อนที่และดูดฝุ่น และปรับตัวเมื่อชนสิ่งกีดขวาง
ในบริบท AI: LLM ที่มีความสามารถใช้เครื่องมือ ตัดสินใจ และดำเนินแผนหลายขั้นตอน
2. Tool Calling / Function Calling (การเรียกใช้เครื่องมือ)
คืออะไร: ความสามารถของ AI ในการใช้เครื่องมือภายนอกเช่น APIs, ฐานข้อมูล หรือการรันโค้ด
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนเชฟที่สามารถใช้เครื่องมือครัวต่างๆ (มีด เตา เครื่องปั่น) เพื่อเตรียมอาหาร
ตัวอย่าง: Agent เรียก API สภาพอากาศ จากนั้น API จองที่พัก จากนั้น API ชำระเงิน เพื่อวางแผนทริปของคุณ
3. Chain of Thought (CoT) - สาย ความคิด
คืออะไร: เทคนิคการให้เหตุผลที่ AI อธิบายความคิดทีละขั้นตอนก่อนจะสรุปผล
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนการแสดงวิธีทำโจทย์คณิตศาสตร์แทนที่จะให้แค่คำตอบ
ทำไมจึงสำคัญ: ช่วยให้ agents ตัดสินใจได้ดีขึ้นและให้มนุษย์ตรวจสอบเหตุผลได้
4. ReAct (Reasoning + Acting) - ให้เหตุผล + ลงมือทำ
คืออะไร: กรอบการทำงานที่ AI สลับระหว่างการให้เหตุผลว่าจะทำอะไรและการลงมือทำ
เปรียบเทียบง่ายๆ: "คิด แล้วทำ แล้วคิดอีกครั้ง" - เหมือนนักหมากรุกที่วิเคราะห์ เดิ น แล้ววิเคราะห์ใหม่
รูปแบบ: ความคิด → การกระทำ → การสังเกต → ความคิด → การกระทำ → ...
5. Orchestration (การประสานงาน)
คืออะไร: การประสานงานและจัดการ AI agents หลายตัวหรือเครื่องมือที่ทำงานร่วมกัน
เปรียบเทียบง่ายๆ: เหมือนวาทยากรนำวงออร์เคสตรา - ทำให้เครื่องดนตรีทุกชิ้น (agents) เล่นประสานกัน
ทำไมจึงสำคัญ: งานซับซ้อนมักต้องการ agents เฉพาะทางหลายตัวทำงานร่วมกัน